ชื่อ-สกุล นางสาวพิศมัย สีพลแสน
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม
สอนรายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นม.3, พันุกรรมและการอยู่รอด ชั้น ม.3
ครูที่ปรึกษานักเรียน ชั้นม.3/1
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน........22....ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้นม.3 จำนวน.......12..... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ดาราศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้น ม.3/1 จำนวน.......2..... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ดาราศาสตร์เพิ่มเติม ระดับชั้น ม.4 จำนวน.......2..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม "ดาราศาสตร์" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี "ม.3" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ "ม.3" จำนวน........4..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ....8..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน......4.......ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน........4.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 38 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน........20....ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้นม.3 จำนวน.......12..... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา พันธุกรรมและการอยู่รอด ระดับชั้น ม.3 จำนวน.......4..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม "ดาราศาสตร์" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี "ม.3" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ "ม.3" จำนวน........2..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ....8..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน......4.......ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน........4.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 36 ชั่วโมง/สัปดาห์
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ว23102 ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การกล้าแสดงออก การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน ระบุให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์คิดไตร่ตรองและมีวิสัยทัศน์ นักเรียนที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์นักเรียนจะมีความสามารถในการสื่อสาร เนื่องจากการคิดวิเคราะห์จะต้องผ่านกระบวนการสื่อสาร คือการรับสาร คือได้ฟัง อ่าน ดู สังเกต แล้วนำข้อมูลที่ได้จากการรับสารสู่กระบวนการคิดวิเคราะห์ได้ผลอย่างไร จึงส่งสารออกไปโดยการบอก การเขียน การนำเสนอแผนภาพ การแสดงออก หรือการปฏิบัติให้เห็น
สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาดังกล่าวด้านกิจกรรมการเรียนการสอนยังไม่เน้นไปที่ผู้เรียนเป็นสำคัญการฝึกทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์เท่าที่ควร อาจเนื่องมาจากสื่อการเรียนรู้ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เอกสารประกอบการเรียนไม่เพียงพอ รูปแบบไม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน เนื้อหาในเอกสารประกอบการเรียนยากเกินไป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไม่ได้เน้นทักษะการทางวิทยาศาสตร์ ด้านผู้เรียนที่ไม่กล้าแสดงออก ไม่สามารถสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ได้ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่มและเพื่อนต่างกลุ่ม นักเรียนมักจะนั่งฟังครูเฉยๆ จดแต่งานที่ครูสอนเท่านั้น ทำให้นักเรียนเหล่านี้มีผลสัมฤทธิ์ที่ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 จากสภาพปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนในรายวิชาดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพและไม่บรรลุเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา
ดังนั้นครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้าย โดยการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เป็นสื่อนวัตกรรมในการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2567 เพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้สูงกว่าร้อยละ 70 พัฒนาทั้งจิตใจ ร่างกาย และสติปัญญา ให้ความสำคัญกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ศีลธรรม สามารถปรับตัวและปรับปรุงบุคลิกภาพของตน เข้าใจตนเองและผู้อื่น
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2566
2.2 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561) เลือกสาระที่ 3 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จัดทำโครงสร้างรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา จัดทำหน่วยการเรียนรู้
2.3 ศึกษาทฤษฎี หลักการ แนวคิดทักษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์และทักษะ การคิดวิเคราะห์และขั้นตอนการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้
2.4 นำแผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เสนอผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตรวจสอบวิธีการหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมครอบคลุมในด้านเนื้อหา (Content validity) และโครงสร้าง (Construct) ความเหมาะสมของภาษาและวิธีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) พร้อมนำแบบประเมิน นำไปปรับปรุงตามตำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
2.6 แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่เป็นกลุ่มตัวอย่างแบบ 1:1 แบบกลุ่มเล็ก และแบบภาคสนาม กับนักเรียนห้อง ม.3/1 เพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงให้เหมาะสมถูกต้องตามหลักวิชาการ
2.7 นำการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ไปใช้เป็นสื่อการสอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในจัดกิจกรรม
การเรียนรู้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ทั้งในรูปแบบ online หรือ onsite โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบท
2.8 บันทึกสมรรถนะของผู้เรียนทั้ง 5 ด้าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้จากการใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน และการสอนซ่อมเสริม สำหรับใช้แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ศึกษา และทำการทดสอบใหม่
จนนักเรียนมีสมรรถนะผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
2.9 บันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้จากการใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน และการสอนซ่อมเสริม สำหรับใช้แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ศึกษา และทำการทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
2.9 บันทึกข้อมูลคะแนนในระบบสารสนเทศสมรรถนะของผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อประเมินการเรียนรู้ นำข้อมูลที่ได้พัฒนาผลการเรียนรู้ให้นักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 70 ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) มีสมรรถนะของผู้เรียนและคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีสูงขึ้น ตามตัวชี้วัดในสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความความหมาย ความสำคัญของวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการคิดวิเคราะห์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ นักเรียนเกิดสมรถถนะจนสามารถเชื่อมโยงความรู้ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ และมีความพึงพอใจต่อการเรียน ในระดับมากที่สุด
แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อตกลงในการพัฒนางานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู (ชำนาญการ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
นางสาวพิศมัย สีพลแสน
นางสาวพิศมัย สีพลแสน
นางสาวพิศมัย สีพลแสน